วิชาโหราศาสตร์ เป็นวิชาพยากรณ์
ที่ใช้อิทธิพลจากดวงดาวที่โคจรรอบจักราศี เป็นวิชาที่มีหลักฐานมีเหตุและผลต่อกันมีความทันสมัยคงที่ถาวรตลอดเวลา
คู่ไปกับโลกเป็นวิชาที่แสดงผลจากอิทธิพลของดวงดาวที่ทำให้สรรพสิ่งที่อยู่อยู่ในโลกนี้
ซึ่งเป็นวิชาคำนวนวิถีโคจร ขนาดน้ำหนักระยะฯลฯ ของดวงดาวในจักรวาล ซึ่งมีช่วงแห่งความสว่าง
ความรุ่งโรจน์ ความร้อนการดึงดูดและพลังงานอื่นๆเช่นเดียวกับดวงดาว วิชาโหราศาสตร์มีมาแล้วมากว่า๒๐๐๐ปีก่อนพุทธกาล ดังนั้นโหราศาสตร์จึงเป็นวิชาที่เกี่ยวกับศาสตร์อันลึกซึ้งชวนติดตามและอาจนับเนื่องอยู่ในไสยศาสตร์อยู่บ้าง
เป็นที่ยืนยันตามหลักฐานทางพุทธประวัติที่กล่าวไว้ว่า
เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประสูตินั้น พราหมณ์อสิตดาบสหรือกาฬเทวินดาบส
เมื่อได้เห็นเจ้าชายสิทธัตถะมีลักษณะของมหาบุรุษจึงทำนายทายทักว่า
“ถ้าครองเรือนจะเป็นจักรพรรดิผู้ทรงบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาล
แต่ถ้าออกบวชจะได้เป็นพระศาสดาผู้มีชื่อเสียงที่สุดในโลก”
กาลเวลาถึงปัจจุบันจึงพิสูจน์ถึงความแม่นยำของการทำนาย
และความเป็นมาของวิชาโหราศาสตร์
การทำนายเกิดขึ้นได้ด้วยการสังเกต จดจำ และทดลองจนหาข้อสรุปได้ตามความเป็นจริงที่ท่านบูรพาจารย์ทำสืบทอดกันมาซ้ำๆจนกลายเป็นสถิติ
อาศัยการคำนวณจากอิทธิพลของดวงดาว ธาตุ และจักราศี
เป็นสูตรพยากรณ์ชีวิตมนุษย์และสัตว์ตลอดจนวัตถุ
โหราศาสตร์ ในประเทศไทย
สันนิษฐานว่าโหราศาสตร์เข้าสู่ประเทศไทยประมาณปีพ.ศ.๒๐๐
เพราะการขยายอาณาเขตทางภาคใต้ของพระเจ้าอโศกมหาราช ทำให้พราหมณ์พาพระเวทย์หนีเข้าเขมร
เมื่อไทยอพยพมาจากจีนอยู่ประเทศสยามจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาโหรพร้อมกับลัทธิทางศาสนาและพิธีพราหมณ์ด้วย
อันมีพระโสณะเถระและพระอุตระเถระมาเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เมื่่อถึงยุคสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาก็ยกย่องพราหมณาจารย์ขึ้นเป็นมหารครูทำการพิธีมงคลต่างๆ ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
โหราจารย์ได้รวบรวมกันขึ้นมา แต่คงอยู่ในราชสำนักเท่านั้น
ตำราต่างๆจึงจะปรากฏอยู่ที่กรมโหรและพระผู้ใหญ่ในยุคนั้นๆ
พิธีกรรมต่างๆกรมโหรได้เลิกไปเมื่อไม่นานมานี้ส่วนวิชาโหราศาสตร์กลับยิ่งมีคนสนใจมากขึ้นปัจจุบันประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงวิชานี้ได้จึงทำให้มีการพัฒนาวิชานี้มากยิ่งขึ้น
ประเทศอินเดียได้ออกกฏหมายเมื่อ
พ.ศ.๒๕๑๔ให้สอนวิชาโหราศาสตร์ในมหาวิทยาลัยได้ปัจจุบันประสาทปริญญาตรีถึงปริญญาเอก
เขียนโดย
อ.โหรปริญญาโทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น