25 ก.ย. 2558

เรื่องเล่าจากโหรป.โท : ตอน เรื่องทุกข์ของชายหนุ่ม



พ่อแม่เมื่อลูกเรียนจบก็หวังให้ลูกได้มีงานดีๆ และมั่นคงทำ

โดยเฉพาะครอบครัวของหนุ่ม

เขาเป็นคนจังหวัดสตูล

พ่อแม่มีอาชีพรับจ้าง

อดทนหาเงินส่งเสียจนเขาจบปริญญาตรี

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นแรงกดดันที่ทำให้หนุ่มต้องเดินหน้าตาอิดโรยมาหาฉัน

บอกว่าอยากให้ฉันดูดวงให้

ฉันผูกดวงเขาอยู่เขาว่าผมมี ๑๐๐ บาทดูไดไหมครับ ?

ฉันมองหน้า

เขาเป็นคนขึ้นชื่อว่าหน้าตาดี ตัวสูงผิวคล้ำ ตาคมตามลักษณะคนใต้

แววตาหม่นหมอง คล้ายคนอดหลับอดนอนมาหลายคืนแล้ว

เห็นแล้วฉันสงสารจับใจ

ฉันเอ่ยถามอย่างห่วงใย คงทุกข์หนักสิลูก

แต่ปากฉันก็บอกว่า ได้ แล้วเราก็คุยกันเรื่องดวงชะตาของเขา

เขาเล่าว่าเขากุ้มใจมาก

เพราะครอบครัวหวังในตัวเขามากเขาไปสอบนายสิบ

มาดูแล้วจะสอบได้ เขาว่าเขาทำข้อสอบได้ดีมาก

คะแนนที่แจ้งมากลับเป็นคะแนน ที่ห่วยมาก

เขาไม่เขื่อพร้อมกันนั้นก็พูดไปเรื่อยๆเหมือนคนขาดสติดิฉันก็ได้แต่ ฟัง

จนเขาดึงสติกลับมาได้

ฉันจึงบอกให้เขาชงกาแฟดื่ม

กาแฟหมดแล้ว เขาจึงดื่มน้ำแทน

ดื่มไป ก็ระบายความในใจที่อัดอั้นออกมาอย่างต่อเนื่อง.......

จนในที่สุดเขาก็ยิ้มได้

ฉันเลยถามเขาว่าหิวข้าวไหม

เขาว่าเขาไม่มีตังค์กินข้าวแล้ว

เพราะใช้เงินในการดูหมอมาหลายเจ้าแล้ว ฉันได้แต่เพ้อว่า

โธ่ลูกเอย.

ฉันจึงเอาเงินค่าครูในพานให้. แล้วบอกให้เขาไปหาข้าวกิน

เพราะมันบ่ายแล้ว

ฉันเองก็หิว

เขายกมือไหว้ลาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ ตาลอยๆ

ฉันได้แต่บอกว่า ปล่อยวางบ้างเถอะหนุ่ม

นั้นคือ คำตอบสุดท้าย ที่ฉันตั้งใจมอบให้กับชายหนุ่มคนนั้น

----------------------------------------------------------------

เขียนโดย โหรป.โท


13 ก.ย. 2558

คุยกับโหรปริญญาโท ตอน : ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนา


เจตนา คือ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การกระทำไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องหรือผิดทาง

เวลาว่างไม่ค่อยตรงกันนักแต่เมื่อมีโอกาสผมก็ดพูดคุยกับ โหรปริญญาโทรถึงเรื่องราวทั่วไปที่ผมยังมีข้อสงสัยในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์ ตามประสาคนรู้น้อยแต่ชอบเรียนรู้อย่างผม

ผม : สวัสดีครับโหรป.โท ช่วงนี้ดูงานยุ่งๆนะครับ

โหรป.โท : ใช่จ๊ะช่วงนี้มีคนมาเรียนที่สถาบันพัฒนาวิชาโหราศาสตร์ ตักศิลาโหราแทบทุกวันค่ะ เริ่มมีคนรู้จักมาจากทางเน็ตและจากการบอกต่อจากคนที่เคยมาเรียนมากขึ้น

ผม : ดูจากตารางเรียนล่าสุดนี้ เปิดเกือบทุกวันเลยนะครับ

โหรป.โท : จริงๆอยากเปิดทุกวันค่ะ แต่ที่ขอหยุดวันพฤหัสก็เพื่อที่จะไปเรียนรู้เพิ่มเติม เพิ่มพูนในแนวเชิงลึกมากขึ้น เพื่อนำมาพัฒนาหลักสูตรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผม : นี่ขนาดเป็นอาจารย์แล้วนะครับ

โหรป.โท : ยิ่งเป็นระดับอาจารย์เรายิ่งต้องเรียนรู้มากขึ้นค่ะ เพราะอย่างที่เขียนพูดไว้คร่าวที่แล้วว่า วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่เรียนรู้ได้แบบไม่มีวันจบสิ้น เราจะต้องเรียนรู้ ต่อยอด ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาตนเองเป็นโหรที่ทรงคุณค่าอย่างแท้จริง

ผม : ยอดเยี่ยมเลยครับสำหรับวิธีคิดแบบนี้ ขอชื่นชมครับ

โหรป.โท : ขอบใจจ้า

ผม : ผมมีข้อสงสัยอย่างหนึ่งที่อยากจะสอบถามและคาใจมากๆเลยครับ เกี่ยวกับการดูดวงของหมอดู คือว่า ผมเห็นหมอดูบางคนสร้างบรรยากาศการดูดวงด้วยน้ำเสียง อุปกรณ์ประกอบ และก็อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่น องค์เทพต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ และเรียกเก็บเงินแพงๆ ซึ่งหลายคนก็หลงเชื่อและยินยอมเสียเงิน หมอดูแบบนี้เขายังไงครับ ผมอยากทราบ

โหร ป.โท : เป็นคำถามที่ดีมากและเป็นคำถามที่ถามที่หลายคนถามฉันบ่อยๆ ก่อนอื่นฉันจะถาทกลับก่อนว่า คนที่มาดูหมอส่วนใหญ่เป็นคนแบบไหน ทุกข์หรือสุขมากกว่า?

ผม : ทุกข์แน่นอนครับ เท่าที่ผมรู้มาคนมีความสุขไม่ค่อยวิ่งไปหาหมอดูนะครับ ส่วนใหญ่มีปัญหาหนักๆไปหาทั้งนั้น

หมอดูป.โท : ใช่แล้ว คนที่มาหาหมอดู คือ คนที่มีปัญหาและปัญหาที่มีหนักมากสำหรับเขา เขามาหาหมอดดูด้วยความคาดหวังว่าจะพบเจอทางออก แต่หากมาพบเจอหมอดูประเภทที่หลอกลวง อ้างเทพองค์โน่นนี้เพื่อยกตัวเองให้สูงจนคนอื่นหลงเชื่อ จนต้องเสียเงินเสียทองไปมากมาย มันเหมือนกับว่ากำลังซ้ำเติมเขาให้ทุกข์หนักไปกว่าเดิมอีก

ผม : ผมเห็นด้วยครับเรื่องนี้ มันเหมือนเป็นการซ้ำเติมจริงๆ  ผมนึกถึงคราวที่แล้วที่คุยกันว่า หมอดูเหมือนกับที่ปรึกษาหาทางออกของปัญหาหรือจิตแพทย์คนหนึ่ง หากหมอดูมีเจตนาหลอกลวงก็เหมือนกับซ้ำเติมให้เขาทุกข์หนักไปอีก แทนที่จะเจอทางออก กลับไปเจอทางตันแทน

หมอดูป.โท : แต่จริงๆแล้วหมอดูประเภทชอบหลอกลวงถือว่าเป็นส่วนน้อยมากๆในวงการนะ แต่ก็เหมือนกับวงการอื่นๆนั่นละ ที่ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นกันไปทั้งข้อง แต่สิ่งดีๆที่มีเยอะรอให้เราศึกษาอยู่นะคะ

ผม : แล้วเรื่ององค์เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หมอดูที่เขาชอบใช้อ้างกัน ตรงนี้อยากให้ขยายความนิดหนึ่งครับ

หมอดูป.โท : อ๋อคะ ตรงจุดนี้ก็เคยคุยกับระดับครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกอย่างมีเหตุผลว่า องค์เทพนั้นท่านอยู่สูง ไม่น่าจะลงมาประทับร่างมนุษย์ที่ยังเต็มไปด้วยความสกปรกของกิเลส ตัณหา เช่นนี้หรอกคะ

ผม : อืม...น่าคิดให้ลึกๆนะครับประเด็นนี้

หมอดูป.โท : การที่จะยึดหมอดูเป็นอาชีพแบบระยะยาวจนลมสุดท้ายของชีวิต เราต้องสร้างคุณค่าผ่านการช่วยเหลือคนด้วยเจตนาที่ดี ไม่ใช่เจตนาที่จะคอยเฝ้าแต่จะหลอกลวงเงินคนที่เขากำลังทุกข์ร้อนอยู้แล้ว ซึ่งผิดกฎจรรยาบรรณการเป็นหมอดูอย่างรุนแรง

ผม : ครับผม ผมเห็นด้วยมากๆ ครับ วิธีคิดแบบนี้ไม่ได้ใช้ได้เฉพาะวงการอาชีพหมอดดูเท่านั้น วงการอาชีพอื่นๆก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ด้วยเจตนาที่ดีต่อตนเองและผู้อื่นเพื่อความยั่งยืนของวิชาชีพของตนด้วย ผมต้องขอขอบคุณ หมอดูป.โทมากๆนะครับที่ให้แง่คิดดีๆในครั้งนี้ โอกาสหน้าผมจะขออนุญาตมาคุยแลกเปลี่ยนกันอีกครั้งครับ ขอบคุณครับ


10 ก.ย. 2558

ความเป็นมาของวิชาโหราศาสตร์



      วิชาโหราศาสตร์  เป็นวิชาพยากรณ์ ที่ใช้อิทธิพลจากดวงดาวที่โคจรรอบจักราศี เป็นวิชาที่มีหลักฐานมีเหตุและผลต่อกันมีความทันสมัยคงที่ถาวรตลอดเวลา คู่ไปกับโลกเป็นวิชาที่แสดงผลจากอิทธิพลของดวงดาวที่ทำให้สรรพสิ่งที่อยู่อยู่ในโลกนี้ ซึ่งเป็นวิชาคำนวนวิถีโคจร ขนาดน้ำหนักระยะฯลฯ ของดวงดาวในจักรวาล ซึ่งมีช่วงแห่งความสว่าง ความรุ่งโรจน์ ความร้อนการดึงดูดและพลังงานอื่นๆเช่นเดียวกับดวงดาว วิชาโหราศาสตร์มีมาแล้วมากว่า๒๐๐๐ปีก่อนพุทธกาล ดังนั้นโหราศาสตร์จึงเป็นวิชาที่เกี่ยวกับศาสตร์อันลึกซึ้งชวนติดตามและอาจนับเนื่องอยู่ในไสยศาสตร์อยู่บ้าง


      เป็นที่ยืนยันตามหลักฐานทางพุทธประวัติที่กล่าวไว้ว่า
เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประสูตินั้น พราหมณ์อสิตดาบสหรือกาฬเทวินดาบส
เมื่อได้เห็นเจ้าชายสิทธัตถะมีลักษณะของมหาบุรุษจึงทำนายทายทักว่า
ถ้าครองเรือนจะเป็นจักรพรรดิผู้ทรงบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาล
แต่ถ้าออกบวชจะได้เป็นพระศาสดาผู้มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
กาลเวลาถึงปัจจุบันจึงพิสูจน์ถึงความแม่นยำของการทำนาย
และความเป็นมาของวิชาโหราศาสตร์

      การทำนายเกิดขึ้นได้ด้วยการสังเกต จดจำ และทดลองจนหาข้อสรุปได้ตามความเป็นจริงที่ท่านบูรพาจารย์ทำสืบทอดกันมาซ้ำๆจนกลายเป็นสถิติ อาศัยการคำนวณจากอิทธิพลของดวงดาว ธาตุ และจักราศี เป็นสูตรพยากรณ์ชีวิตมนุษย์และสัตว์ตลอดจนวัตถุ

โหราศาสตร์ ในประเทศไทย
สันนิษฐานว่าโหราศาสตร์เข้าสู่ประเทศไทยประมาณปีพ.ศ.๒๐๐ เพราะการขยายอาณาเขตทางภาคใต้ของพระเจ้าอโศกมหาราช ทำให้พราหมณ์พาพระเวทย์หนีเข้าเขมร เมื่อไทยอพยพมาจากจีนอยู่ประเทศสยามจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาโหรพร้อมกับลัทธิทางศาสนาและพิธีพราหมณ์ด้วย อันมีพระโสณะเถระและพระอุตระเถระมาเผยแผ่พระพุทธศาสนา

เมื่่อถึงยุคสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาก็ยกย่องพราหมณาจารย์ขึ้นเป็นมหารครูทำการพิธีมงคลต่างๆ ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โหราจารย์ได้รวบรวมกันขึ้นมา แต่คงอยู่ในราชสำนักเท่านั้น
ตำราต่างๆจึงจะปรากฏอยู่ที่กรมโหรและพระผู้ใหญ่ในยุคนั้นๆ พิธีกรรมต่างๆกรมโหรได้เลิกไปเมื่อไม่นานมานี้ส่วนวิชาโหราศาสตร์กลับยิ่งมีคนสนใจมากขึ้นปัจจุบันประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงวิชานี้ได้จึงทำให้มีการพัฒนาวิชานี้มากยิ่งขึ้น


ประเทศอินเดียได้ออกกฏหมายเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๔ให้สอนวิชาโหราศาสตร์ในมหาวิทยาลัยได้ปัจจุบันประสาทปริญญาตรีถึงปริญญาเอก

เขียนโดย
อ.โหรปริญญาโทร

8 ก.ย. 2558

ลัคนา..ต่างจากราศีอย่างไร?


ลัคนาคำนี้เราได้ยินกันบ่อย
       เวลาไปดูดวง..อาจารย์ที่ดูก็บอกเราว่า เราเป็นคนราศีนั้น..หรือบอกว่า..เป็นลัคนานั้น..หรือไม่ก็เวลาเราไปอ่านดวงตามนสพ.หรือนิตยสาร ต่างๆ ก็จะบอกว่าเราเกิดราศีอะไร..ตามวันที่เราเกิด...แต่บ่อยครั้งที่เราอ่านหนังสือต่างเล่มกัน...ลัคนาตามวันที่เขียนไว้ก็ต่างกันด้วย...เช่นบางเล่มบอกว่าราศีเมษคือคนที่เกิดวันที่13เมษา-14พฤษภา...แต่บางเล่มก็บอกว่า..ราศีเมษคือคนที่เกิดวันที่12มีนา-22เมษา...อย่างนี้ก็ทำให้เราสับสนเหมือนกัน...
       
          แต่บางคนก็นึกว่าตนเองเกิดลัคนาราศีเมษเพราะว่าเกิดช่วงเมษา...แต่พอไปดูดวง..หมอดูก็ผูกดวงวางลัคนาเข้าให้...ก็ปรากฎว่าเป็นลัคนาตุลย์..ก็ทำเอาเรางงไปตามๆกัน
          ลัคนา..คือลัคน์...เวลาเขียนลงไปในรูปดวงราศีจักร ก็จะใช้คำย่อ..ว่า  ลั   ก็เป็นอันเข้าใจว่า ลัคนา ความหมายของคำว่า ลัคนา คือ ตัวตนของเรา บุคคลิกของเรา จิตวิญญาณ ร่างกาย นิสัย...ลัคนา..คำนวนจากเวลาตกฟากหรือเวลาเกิด..ผสมกับวันเดือนปีที่เกิด...ก็จะได้เวลาที่กำหนดเป็นลัคนา....ดังนั้นเวลาใน1วัน..ไม่ว่าจะเดือนใด..ปีใด..ก็ตาม..ก็มีเวลาที่เป็นลัคนาได้ทั้ง12ราศี...เช่นคนเกิดวันเดือนปีเดียวกัน...แต่ต่างเวลากันก็ทีลัคนาต่างกัน...และถ้าหากคำนวนสถานที่เกิดไปด้วยก็จะยิ่งละเอียดชัดเจนมากยิ่งขึ้น

           ส่วนราศีเกิดที่เราอ่านตามหน้านสพ.หรือนิตยสารนั้นจะใช้พระอาทิตย์เป็นตัวกำหนด..เพราะผู้เขียนเค้าไม่รู้หรอกว่าเราเกิดเวลาตกฟากอะไร..ก็เลยใช้วันเดือนปีเกิดเป็นตัวกำหนด..ซึ่งค่อนข้างหยาบกว่าแบบแรกที่หาลัคนาเวลาเกิด...ซึ่งลัคนาแบบที่เราใช้เวลาตกฟาก...ลัคนาคือจุดตัดของเส้นสุริยะ วิถีที่พระอาทิตย์โคจรและแกนขอบฟ้าของโลกทางทิศตะวันออกที่เรียกว่า Horizon ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นสู่ขอบฟ้า..เช่นในเดือนเมษายน..พระอาทิตย์ขึ้นที่จุดตัดที่..ตรงกลุ่มดาวราศีเมษพอดีในตอนเช้า ฉะนั้นคนที่เกิดในตอนเช้า สมมติว่าเกิดเวลา 05.30-07.30 ขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นก็จะกลายเป็นคนลัคนาเมษ...แต่ถ้าหากเกิดสายกว่านี้..เช่นเกิดเวลา..08.00น.ในวันเดียวกัน จุดตัดที่ว่านี้ และพระอาทิตย์ก็เคลื่อนออกมาตามเวลาผ่านไปกลุ่มดาวราศีพฤษภ..ดังนั้นคนที่คนที่เกิดวันเดือนปีเดียวกัน...แต่เป็นเวลา..08.00น.ก็กลายเป็นลัคนาพฤษภ..ไป...แล้วเราก็ไล่ไปตามลำดับราศี...จนครบ24ชม.จนครบ12ราศี...ไล่ไปถึงกลางคืนจนถึงเข้าเช้าวันใหม่ เราก็จะเห็นการหาลัคนาแบบนี้..ใน1วัน ก็จะมีครบ12ลัคนา..ซึ่งเป็นแบบที่ถูกต้องและละเอียดแม่นยำกว่า...///ส่วนราศี..คือ..ตำแหน่งดาวอาทิตย์สถิตในราศีต่างๆจะเคลื่อนย้ายประมาณกลางเดือน...เช่น..ราศีเมษ 13เมษา-14พฤษภา...ราศีตุลย์ 15ตค.-15พย...ฯลฯ.

         ง่ายๆนะ..คนเกิดวันเดือนปีเดียวกันแต่ดวงไม่เหมือนกัน ก็เพราะ..เวลาเกิด..ไม่ตรงกันนี่แหละ

 เขียนโดย อ.พิมพ์  พยากรณ์




คลิ๊กที่รูปเพื่อขยายใหญ่